
ชื่อเรื่อง ตามรอยพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียงทฤษฎีใหม่
ถวิล มนัสน้อม:บรรญาธิการ ศักดาเอียว:จัดรูปเล่ม ปิยฉัตร คงอยู่:ออกเเบบปก โสภา เกศประทุม:พิสูจน์อักษร จินตวีร์ เขียวหวาน :กองบรรญาธิการ
เศรษฐกิจพอเพียงกับทฤษฎีใหม่
เศรษฐกิจพอเพียงความหมายกว้างกว่าทฤษฎีใหม่ โดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวคิดที่ชี้บอกหลักการ และแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ ในขณะที่ แนวพระราชดำริเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ หรือเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาการเกษตรอย่างเป็นขั้นตอนนั้น เป็นตัวอย่างการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในทางปฏิบัติ ที่เป็นรูปธรรม เฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสม ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ อาจเปรียบเทียบกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบพื้นฐาน กับ แบบก้าวหน้า ได้ดังนี้ความพอเพียงในระดับบุคคล และครอบครัว โดยเฉพาะเกษตรกรเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน เทียบได้กับทฤษฎีใหม่
ทฤษฎีใหม่ขั้นต้น ให้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30:30:30:10 ซึ่งหมายถึง
พื้นที่ส่วนที่หนึ่ง ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้ำเพื่อใช้เก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์และพืชน้ำต่างๆ
พื้นที่ส่วนที่สอง ประมาณ 30% ให้ปลูกข้าวในฤดูฝนเพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันสำหรับครอบครัวให้เพียงพอตลอดปี เพื่อตัดค่าใช้จ่ายและสามารถพึ่งตนเองได้
พื้นที่ส่วนที่สาม ประมาณ 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลือบริโภคก็นำไปจำหน่าย
พื้นที่ส่วนที่สี่ ประมาณ 10% เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอื่นๆ
พื้นที่ส่วนที่สี่ ประมาณ 10% เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอื่นๆ
อย่างไรก็ตามบางครั้งก็เป็นทีน่าสงสัยว่ามีการเข้าใจความหมาายหรือเเนวทางปฎิบัติเรื่องเศษรฐกิจพอเพียงทฤษฎีใหม่เเตกต่างกันหรือไม่อย่างไรหรือมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนหรือไม่เพียงใด
1.ความเพียร การสร้างสรรค์ต้องใช้เวลา ใช้ความเพียรใช้ความอดทนไม่ย่อท้อต่อไมนานเราก็จะเรียนรู้เอง
2.ความพอดี เราควรพอดีในสิ่งที่เรามีไม่จำเป็นต้องเหมือนใครบางทีสิ่งที่เรามีอยู่ก็ดีกว่ายุเเล้ว
3.ความรู้ตน การที่เรารู้กับตัวเองอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบดีเเร้วสามามรถศึกษาเรื่องโครงการต่างๆของพระบาทสมเด็จพระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้
4.คนเราจะต้องรับเเละจะต้องให้ คนเราจะเอาดีอย่างเดียวไม่ได้ต้องเป็นทั้งผู้รับเเละผู้ให้จึงจะมีความสุข
5.อ่อนโยนเเต่ไม่อ่อนเเอ เราควรอ่อนโยนในบางเรื่องเราควรพร้อมที่จะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมจึงสามารถอยู่ได้ในสังคม
6พูดจริงทำจิง เราควรหนักเเน่นในคำพูดของตัวเอง ดังคำที่พ่อสอนว่า พูดอย่างไรก็ควรทำอย่างนั้น
7.หนังสือเป็นออมสิน หนังสือคือสิงที่สำคัญสำหรับเราเราสามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆได้ส่วนมากก็มาจากหนังสือ
8.ความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์คือสิ่งที่เราทุกคนต้องมีไม่วาจะทำอะไรเราต้องประกอบด้วยความซื่อสัตย์
9.การเอาชนะใจตน ต้องกล้าเเละบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความถูกต้อง
4.คนเราจะต้องรับเเละจะต้องให้ คนเราจะเอาดีอย่างเดียวไม่ได้ต้องเป็นทั้งผู้รับเเละผู้ให้จึงจะมีความสุข
5.อ่อนโยนเเต่ไม่อ่อนเเอ เราควรอ่อนโยนในบางเรื่องเราควรพร้อมที่จะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมจึงสามารถอยู่ได้ในสังคม
6พูดจริงทำจิง เราควรหนักเเน่นในคำพูดของตัวเอง ดังคำที่พ่อสอนว่า พูดอย่างไรก็ควรทำอย่างนั้น
7.หนังสือเป็นออมสิน หนังสือคือสิงที่สำคัญสำหรับเราเราสามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆได้ส่วนมากก็มาจากหนังสือ
8.ความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์คือสิ่งที่เราทุกคนต้องมีไม่วาจะทำอะไรเราต้องประกอบด้วยความซื่อสัตย์
9.การเอาชนะใจตน ต้องกล้าเเละบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความถูกต้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น